ท่านพุทธทาสในความทรงจำของผม กรุณา กุศลาสัย
http://pantip.com/topic/30909001
ท่านอาจารย์กรุณา กุศลาสัยเป็นผู้ที่เข้าใจจิต วิญญาณ ชีวิตของชาวอินเดียอย่างลึกซึ้ง
คนที่เข้าใจชีวิตของชาวอินเดียย่อมสามารถเข้าใจพุทธศาสนาได้ดี
ในแง่สภาพสังคม ความเชื่อ ของผู้คน
การศึกษาศาสนาใดๆหากได้มีโอกาสนำสังคมศาสตร์และประวิติศาสตร์มาร่วมด้วย
จะมองเห็นภาพความจริงชัดเจนมากยิ่งขึ้น
จึงอยากเสนอความคิดเห็นกับท่านว่า
หากมีโอกาสศึกษาหาอ่าน
ผลงานของท่านกรุณา กุศลาสัย จักเป็นผลประโยนช์อย่างยิ่ง
ทั้งงานวิชาการ
หรือ
เรื่องแปล
โดยเฉพาะผลงานแปลนิพนธ์ท่านระพินทร์ นาถฐากูร
ที่โดดเด่นที่สุดคื่อเรื่องคีตัญชลี
เทียบเท่าหรืออาจเหนือกว่า
ปรัชญาชีวิต ของ ท่าน คาริล ยิบราล
ทั้งสองเรื่องสะท้อนปรัชญาแห่งความหลุดพ้น(จากโลกีย์)ตามความเข้าใจของตัวผมเอง
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของคุณูปการของหนังสือที่ดีคือ
อ่านแล้วสงบเย็น
ไม่ร้อนรุ่ม
ไม่เสพติด
ประเทืองปัญญา
ก่อเกิด จิต วิญญาณแห่งคุณธรรมอันดีงาม
ขอน้อมอัญชลีทุกท่านณ.ที่แห่งนี้


กระบวนการเกิดทุกข์พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกว่า สมุทัย
กระบวนการดับทุกข์พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกว่า นิโรธ
การปฏิบติตนเพื่อการดับทุกข์พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกว่า มรรค
มรรคคือทางแห่งการดับทุกข์พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกว่า อริยมรรคที่มีองค์แปด
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
ปฏิจจสมุปบาทมีองค์ประกอบ
สมมุติเปรียบเทียบว่าปฏิจสมุปบาทคือแกงส้มหนึ่งหม้อ
จะเกิดเป็นแกงส้มหนึ่งหม้อได้อย่างน้อยต้องมีองค์ประกอบ
พรกแห้ง กระเทียม หัวหอมแดง กะปิ น้ำมะขาม(หรือสิ่งเปริ้ยวอื่นๆ) น้ำตาลหวาน เกลือหรือน้ำปลา น้ำ ผัก ปลากุ้ง
หากขาดองค์ประกอบตัวใดตัวหนึ่งไปแกงส้มคงไม่เกิด
ู^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^ู^^
ในคืนวันเพ็ญเดือนหกที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงตรัสสร้อยคำปฏิจจสมุปบาทตามที่พระองค์ตรัสรู้ว่า
พุทธอุทานคาถาที่ ๑
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์
ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป
เพราะมารู้ธรรม พร้อมทั้งเหตุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และ
พุทธอุทานคาถาที่ ๒
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์
ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป
เพราะได้รู้ความสิ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พุทธอุทานคาถาที่ ๓
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์
ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์นั้น
ย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้
ดุจพระอาทิตย์อุทัย ทำอากาศให้สว่าง ฉะนั้น.
ู^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
การตรัสรู้ คือ รู้วิชชา
การตรัสรู้เป็นผลให้ไม่เกิดทุกข์ คือ นิพพาน
นิพพานไม่ได้แปลว่า ตาย
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
ปรินิพพานแปลว่า ตาย
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
ตายแล้วเกิด เป็นสสสตทิฐิ
ตายแล้วไม่เกิดอีก เป็นอุจเฉททิฐิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ สิ่งหรือธรรมเหล่านั้นก็ดับไปเป็นธรรมดา
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้
ไม่ต้องรอชาติหน้า