ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
นรกชื่อว่ามหาปริฬาหะ มีอยู่.
ในนรกนั้น, บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยจักษุ
แต่ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปราถนาเลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังฟังเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสตะ
แต่ได้ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าปรารถนาเลย;
ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย;
ฟังเสียงที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ
แต่ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าปรารถนาเลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา
แต่ได้ลิ้มรสที่ไม่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าปราถนาเลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังถูกต้องโผฏฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย
แต่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย;
ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย;
ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย,
ในรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน
แต่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย;
ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงนักหนอ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มีไหม พระเจ้าข้า: ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้?"
ดูก่อนภิกษุ !
มีอยู่: ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้ เป็นอย่างไรเล่า?"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง
ว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ ";
ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ ";
ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ";
ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ";
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย
อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส;
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ครั้นยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว,
ย่อมปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลายอันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส;
สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง;
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชราบ้าง,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งมรณะบ้าง,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสบ้าง:
เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย คือไม่พ้นจากทุกข์" ดังนี้.
(ฝ่ายปฏิษักขนัย)
... ฯลฯ ...
สูตรที่ ๓ ปปาตวรรค สัจจสังยุตต์ มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๖๒/๑๗๓๑, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่คิชฌกูฏ- บรรพต นครราชคฤห์;
http://www.pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/1370/index.html
นรกชื่อว่ามหาปริฬาหะ มีอยู่.
ในนรกนั้น, บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยจักษุ
แต่ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปราถนาเลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังฟังเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสตะ
แต่ได้ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าปรารถนาเลย;
ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย;
ฟังเสียงที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ
แต่ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าปรารถนาเลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา
แต่ได้ลิ้มรสที่ไม่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าปราถนาเลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย.
ในนรกนั้น, บุคคลยังถูกต้องโผฏฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย
แต่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย;
ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย;
ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย,
ในรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน
แต่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย;
ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงนักหนอ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มีไหม พระเจ้าข้า: ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้?"
ดูก่อนภิกษุ !
มีอยู่: ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้ เป็นอย่างไรเล่า?"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง
ว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ ";
ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ ";
ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ";
ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ";
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย
อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส;
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ครั้นยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว,
ย่อมปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลายอันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส;
สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง;
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชราบ้าง,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งมรณะบ้าง,
ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสบ้าง:
เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย คือไม่พ้นจากทุกข์" ดังนี้.
(ฝ่ายปฏิษักขนัย)
... ฯลฯ ...
สูตรที่ ๓ ปปาตวรรค สัจจสังยุตต์ มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๖๒/๑๗๓๑, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่คิชฌกูฏ- บรรพต นครราชคฤห์;
http://www.pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/1370/index.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น